Featured News
Posts List
Posts Slider
Health
-
กล้ามเนื้ออักเสบ มีอาการและการรักษาอย่างไร
กล้ามเนื้ออักเสบ เป็นภาวะที่ก่อให้เกิดการอักเสบได้ทุกส่วนของร่างกายที่ส่งผลกระทบต่อกล้ามเนื้อ และมักมีอาการอักเสบรุนแรงของกล้ามเนื้อตามมา ซึ่งสาเหตุของการอักเสบที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันตัวเองผิดปกติทำให้ร่างกายหันมาทำลายตัวเอง ซึ่งจากโรคดังกล่าวเป็นโรคที่มีภาวะที่อันตรายต่อร่างกาย นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมจึงไม่ควรปล่อยให้อาการกล้ามเนื้ออักเสบเกิดขึ้นเ็นเวลานาน
กล้ามเนื้ออักเสบ คืออะไร
กล้ามเนื้ออักเสบ คือ อาการที่เกิดขึ้นจากการใช้งานร่างกายอย่างหนัก จึงทำให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าทำให้เกิดการอักเสบ ส่วนมากจะแสดงอาการในลักษณะของการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และเป็นเพียงอาการเริ่มต้นของการอักเสบเท่านั้น อาการเหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกอิริยาบถ เช่น การทำงานที่ใช้แรงมากเกินไป, การเดิน การยืน และการนั่ง กล้ามเนื้ออักเสบมักจะเกิดขึ้นกับอาการเจ็บและบวมที่กล้ามเนื้อ โดยอาจเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ หรือเป็นอาการเรื้อรัง จากการได้รับบาดเจ็บ
สามารถสังเกตได้เองจากกล้ามเนื้อตึงหลังจากการออกกำลังกาย หรือ จากการทำงานหนัก ซึ่งการปวดเมื่อยและความอ่อนล้าของกล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นมักจะค่อยๆ มีอาการแย่ลงเมื่อปล่อยผ่านไปหลายสัปดาห์จะส่งผลต่อกลุ่มกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ทั้งหลาย เช่น คอ หัวไหล่ หลัง ขา และสะโพก ปวดกล้ามเนื้อ ส่วนใหญ่เกิดจากการได้รับอุบัติเหตุที่ทำให้กล้ามเนื้อตึง หรือเป็นอาการจากโรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ที่ก่อนจะเป็นไข้หวัดใหญ่จะมีอาการครั่นเนื้อครั่นตัวทุกครั้ง และโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตนเอง หรือเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ทั้งนี้ทุกกลุ่มและทุกวัยมีความเสี่ยงต่อการเกิดกล้ามเนื้ออักเสบได้เช่นกัน ไม่ใช่แค่กลุ่มที่ชอบออกกำลังกาย และกลุ่มคนทำงานที่ต้องยกของหนัก เป็นต้น
ลักษณะอาการกล้ามเนื้ออักเสบ
อาการกล้ามเนื้ออักเสบสามารถแบ่งออกได้หลายอาการ ดังนี้
- มีอาการปวดร้าวลึกๆ ของกล้ามเนื้อ ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย อาจจะปวดตลอดเวลาหรือปวดเฉพาะเวลาทำงาน
- ความรุนแรงของอาการปวด มีได้ตั้งแต่แค่เมื่อย ล้า ปวดรำคาญ จนไปถึงปวดทรมานจนไม่สามารถขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดได้
- อาจจะมีอาการปวดร่วมกับอาการชา
- บางรายอาจมีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง นอนไม่หลับ
- มีความผิดปกติของโครงสร้างกล้ามเนื้อร่างกาย เช่น กระดูกสันหลังคด ระดับไหล่ไม่เท่ากัน ขาสั้นยาวไม่เท่ากัน จึงทำให้เกิดภาวะการทำงานของกล้ามเนื้อไม่สมดุลกัน เป็นเหตุให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อบริเวณนั้นได้
กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง ทำให้เป็นโรคอะไรได้บ้าง
แม้จะดูเป็นอาการที่ไม่รุนแรง แต่หากปล่อยไว้ไม่รักษาให้หายเป็นปกติ อาจทำให้ต้องเผชิญกับโรคเหล่านี้
1. กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเฉียบพลัน (MYOCARDITIS) อาจเสียชีวิตได้โดยไม่รู้ตัว
อาการแรกเริ่มของโรคนี้เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ คือมีไข้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ท้องเสีย อาเจียน อ่อนเพลีย เจ็บหน้าอก หัวใจเต้นช้า บางคนหายใจลำบาก หมดสติ ซึ่งผู้ป่วยที่มีอาการหนักอาจทำให้เสียชีวิตอย่างฉับพลันได้ ดังนั้นถ้าไม่รีบเช็กร่างกายและรักษาอย่างถูกต้อง อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังได้ในระยะยาว
2.โรคกล้ามเนื้ออักเสบทั่วตัว
อาการของโรคนี้เริ่มตั้งแต่การครั่นเนื้อครั่นตัว รู้สึกอ่อนแรงยกแขนไม่ค่อยขึ้น บางคนมีอาการรุนแรงจนไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้จากอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง กลืนอาหารไม่ได้ หายใจลำบาก อาจร้ายแรงจนถึงขั้นระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเพราะกล้ามเนื้อที่ใช้ในการหายใจเกิดการอักเสบ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าโรคกล้ามเนื้ออักเสบทั่วตัวเกิดจากความผิดปกติทางระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
3. ออฟฟิศซินโดรม
กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรังเป็นหนึ่งในอาการที่บ่งบอกว่าคุณกำลังเลื่อนสถานะสู่ผู้ป่วยโรคออฟฟิศซินโดรม ชื่อของโรคนี้บ่งบอกดีว่าเกิดขึ้นกับคนวัยทำงานที่นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์หรือทำงานในอิริยาบถเดิมๆ เป็นเวลานาน ส่วนอาการอื่นๆ ที่พบร่วมด้วย เช่นปลอกหุ้มเอ็นกล้ามเนื้อบริเวณฐานนิ้วโป้งอักเสบ นิ้วล็อก เอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ ปวดหลังจากท่าทางผิดปกติ กล้ามเนื้อบริเวณแขนท่อนล่างด้านนอกอักเสบ เป็นต้น
อาหารที่ผู้ป่วยกล้ามเนื้ออักเสบควรหลีกเลี่ยง
สำหรับอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง มีดังนี้
- สัตว์ปีก เช่น ไก่ เป็ด ห่าน และนกกระทา
- ปลากระป๋อง
- เครื่องในสัตว์
- ชีส หรือ อาหารรสเค็มจัด
- เนื้อวัว
- ผักบางชนิด เช่น ต้นอ่อนทานตะวัน ถั่งงอก แตงกวา กระถิน ชะอม สะตอ ลูกเนียง ลูกเหรียง หน่อไม้
- ขนมหวานที่รสหวานจัด เช่น ข้าวเหนียวมูล แกงกะทิ
- อาหารหมัก เช่น ปลาร้า ปลาส้ม แหนม หม่ำ ขนมจีน เส้นก๋วยเตี๋ยว
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สาเหตุที่อาหารเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ป่วยควรกล้ามเนื้ออักเสบหลีกเลี่ยง
สาเหตุที่อาหารดังกล่าวเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อควรหลีกเลี่ยงก็เพราะ อาหารเหล่านี้เป็น “ของแสลง” นั่นเอง สำหรับความหมายของคำว่าอาหารแสลงคือ อาหารที่ควรงดทานในช่วงที่ยังมีอาการเจ็บป่วย หรือในกรณีของผู้ที่เพิ่งผ่าตัด ที่ควรงดอาหารตามที่คุณหมอระบุเอาไว้ว่าห้ามทาน ซึ่งสาเหตุหลักก็เพราะของแสลงนั้นจะเข้าไปทำปฏิกิริยากับร่างกายและส่งผลให้แผลจากการผ่าตัดหายช้า หรือในกรณีของผู้ที่ผ่าตัดทำศัลยกรรม อาหารบางชนิดที่ทานเข้าไปก็อาจจะส่งผลต่ออาการอักเสบและทำให้แผลนั้นหายช้าได้เหมือนกัน จึงทำให้อาหารเหล่านั้นกลายเป็นของแสลงในช่วงระยะเวลาหนึ่งนั่นเอง
การรักษาอาการกล้ามเนื้ออักเสบเบื้องต้น
การรักษากล้ามเนื้ออักเสบเบื้องต้นสำหรับผู้ป่วยที่เริ่มมีอาการหรือปวดไม่มาก สามารถทำได้ด้วยตนเอง โดยการหยุดพักกิจกรรมหรืองานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อบริเวณที่ปวดบวม และสามารถปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วยตนเอง
- โดยวิธีประคบด้วยความร้อนตรงบริเวณที่กล้ามเนื้ออักเสบ
- ฝึกการเหยียดยืดกล้ามเนื้อบริเวณลำตัว โดยการประสานมือเข้าด้วยกันแล้วยืดมือออกไปด้านหน้า จากนั้นค่อยยกขึ้นด้านบน โยกไปด้านซ้ายและขวา
- ทานยาคลายกล้ามเนื้อและยาแก้อักเสบ ที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป (ตามคำแนะนำของเภสัชกร)
- ทำกายภาพบำบัดด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันการหดรั้งของกล้ามเนื้อและป้องกันข้อยึดติด
- ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง ไม่ควรปล่อยไว้นานเพราะอาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อน และเสียชีวิตได้
รักษาด้วยการกายภาพบำบัด
กายภาพบําบัดกล้ามเนื้ออักเสบ โรคกล้ามเนื้ออักเสบ (Myofascial pain syndrome) สามารถรักษาด้วยเครื่องมือ กายภาพบำบัด ดังนี้
- เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า ช่วยคลายกล้ามเนื้อชั้นตื้นชั้นลึก
- เครื่องอัลตราซาวด์ ช่วยคลายก้อนกล้ามเนื้อแข็งและเกร็งตัวให้นิ่มลง
- เครื่องไฮเพาเวอร์เลเซอร์ ช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
- เครื่องอบความร้อนลึก ช่วยคลายกล้ามเนื้อและลดการอักเสบ
- การประคบเย็นลดการอักเสบของกล้ามเนื้อชั้นตื้น
ส่วนโรคกล้ามเนื้ออักเสบทั่วตัว (Myositis) ทางกายภาพบำบัดไม่สามารถช่วยให้อาการปวดทุเลาลงได้ จำเป็นต้องปรึกษาแพทย์เพื่อทานยากดภูมิคุ้มกัน ตามแพทย์สั่งเท่านั้น
5 วัตถุดิบอาหารลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ
หลายๆ คนอาจกำลังคิดว่าอาหารในการบำรุงร่างกาย ต่้องเป็นอาหารที่หายากมากแน่ๆ แต่แท้จริงแล้วไม่เป็นเช่นกัน เพราะวัตุดิบที่กำลังจะนำเสนอต่อไปนี้ต่างเป็นวัตุดิบอาหารที่หาง่ายมากในชีวิตปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วย1. ถั่ว
อัลมอนด์ ถั่วลันเตา ถั่วดำ เป็นธัญพืชที่มีแมกนีเซียมสูง สามารถช่วยซ่อมแซม และเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ ถั่วยังมีโอเมก้า 3 สูง สามารถช่วยลดการอักเสบได้
2. ปลาทะเล
ปลาทะเลอย่างปลาซาดีน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาแมกเคอเรล มีโปรตีนที่เป็นประโยชน์ช่วยซ่อมแซม และลดการอักเสบของกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย นอกจากนี้ ผลวิจัยชี้ว่า กรดไขมัน Omega-3 ในปลาแซลมอนครับการลดอาการอักเสบของข้อเสื่อมและไขข้ออักเสบได้
3. ขิง
ขิงจัดเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยย่อยอาหาร ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และนอกจากนี้ขิงยังมีสารที่มีชื่อว่า curcumin ซึ่งมีสรรพคุณคล้ายกับยาแก้อักเสบ สามารถช่วยลดอาการเจ็บกล้ามเนื้อหลังจากออกกำลังหนักๆ ได้อีกด้วย
4. งาดํา
งาดำมีคุณประโยชน์มากมายไม่ว่าจะเป็นลดการขาดหลุดร่วงของเส้นผม บำรุงผิวพรรณให้แข็งแรง และเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก ที่สำคัญงาดำยังมีสารเซซามิน (Sesamin) ช่วยลดการอักเสบและอาการปวดกล้ามเนื้อ และในน้ำมันงาดำยังมีกรดลิโนเลนิก (Linolenic) ที่ส่งผลให้สมองมีการผ่อนคลาย ลดการเกิดกล้ามเนื้อเกร็งจากความตึงเครียด
5. ขมิ้น
ขมิ้นมีสารชื่อ curcumin ที่จัดอยู่ในกลุ่ม curcuminoid ซึ่งได้รับการยืนยันจากแพทย์อายุรเวทแล้วว่ามีประสิทธิภาพในการต้านการอักเสบ ลดอาการปวดบวมของข้อเข่า ลดข้อเข่าเสื่อม ข้ออักเสบ เกาต์ และรูมาตอยด์ นอกจากนี้ยังสามารถลดการอักเสบในเนื้อเยื่อของผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคมะเร็งอีกด้วย
ท้ายที่สุด ภาวะกล้ามเนื้ออักเสบนี้น่ากลัวตรงที่หากไม่รีบดูแลและรักษา อาจเป็นสะพานพาไปสู่โรคและอาการผิดปกติในระบบต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ ระบบการย่อยอาหารและการดูดซึม ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบฮอร์โมน นัยน์ตาและการมองเห็น หากเริ่มสงสัยว่าตัวเองกำลังมีอาการก็อย่าชะล่าใจ ให้รีบไปปรึกษาแพทย์ผู้มีความเชี่ยวชาญและรักษาอย่างถูกวิธีให้เร็วที่สุดจะดีกว่า เพราะความล่าช้าจากความคิดว่า “ไม่เป็นไร” อาจนำหายนะมาสู่ร่างกายได้นั่นเอง
เรื่องเกี่ยวกับสุขภาพอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- ตากระตุก น่ารำคาญแต่อาจเป็นสัญญาณบอกโรคร้าย
- ผมร่วง เพราะอะไร และรักษาได้อย่างไร
- แพ้ท้อง มีอาการและวิธีรักษาอย่างไร
- น้ำลายเหนียว มีสาเหตุ และการรักษาอย่างไร
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง มีอาการและการรักษาอย่างไร
ที่มาของบทความ
ติดตามเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพได้ที่ zazourestaurant.com
สนับสนุนโดย ufabet369
Economy
-
รายละเอียดกองทุนผู้สูงอายุ เปิดให้ ‘กู้เงิน’ ปลอดดอกเบี้ย
กองทุนผู้สูงอายุ พม. เร่งช่วยเหลือผู้สูงอายุประกอบอาชีพ เปิดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปกู้ยืมเงินทุนรายบุคคล-รายกลุ่ม ปลอดดอกเบี้ย
กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เดินหน้าดูแลช่วยเหลือผู้สูงอายุในการประกอบอาชีพ กองทุนผู้สูงอายุ กรมกิจการผู้สูงอายุ ได้เปิดให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป กู้ยืมเงินทุนประกอบอาชีพ รายบุคคลวงเงินไม่เกินคนละ 30,000 บาท รายกลุ่ม 5 คนขึ้นไปวงเงินไม่เกิน 100,000 บาท โดยไม่มีดอกเบี้ย เน้นย้ำการดูแลผู้สูงอายุผ่านกองทุนผู้สูงอายุ เป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการดำเนินนโยบายด้านสวัสดิการผู้สูงอายุที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้ผู้สูงอายุได้นำเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยดังกล่าว มาเป็นเงินทุนหรือเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบธุรกิจ รวมถึงเป็นการหมุนเวียนสภาพคล่องทางการใช้จ่ายให้กับผู้สูงอายุ ทดแทนการเป็นหนี้นอกระบบนายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ผู้ร่วมกู้จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน จะต้องมีผู้ค้ำประกัน การกู้ยืมทุกประเภทต้องชำระคืนเป็นรายงวด ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี โดยไม่มีดอกเบี้ย
คุณสมบัติของผู้กู้
มีอายุ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป
มีความจำเป็นขอรับการสนับสนุนเงินกู้ยืมประกอบอาชีพ
มีความสามารถในการประกอบอาชีพ
มีสภาพร่างกายแข็งแรงประกอบอาชีพได้
มีปัจจัยในการสนับสนุนการประกอบอาชีพ
มีสถานที่ประกอบอาชีพอยู่จังหวัดเดียวกันกับที่ยื่นขอกู้ยืม
ไม่เป็นผู้ค้างชำระเงินกองทุนผู้สูงอายุคุณสมบัติของผู้ค้ำประกัน คือ
มีอายุไม่เกิน 59 ปีบริบูรณ์
เป็นผู้มีรายได้หรือเงินเดือนประจำ
มีภูมิลำเนาตามทะเบียนราษฎร์อยู่จังหวัดเดียวกันกับผู้กู้ยืม
ไม่อยู่ระหว่างเป็นผู้กู้ยืม ไม่อยู่ระหว่างเป็นผู้ค้ำประกันให้กับบุคคลอื่นที่ขอกู้ยืม
เอกสารประกอบการยื่นคำร้อง ได้แก่
บัตรประจำตัวประชาชน (ผู้กู้-ผู้ค้ำ)
ทะเบียนบ้าน (ผู้กู้-ผู้ค้ำ)
หนังสือรับรองเงินเดือนผู้ค้ำประกัน ใบสำคัญการสมรส หรือใบสำคัญการหย่า (ถ้ามี) ใบมรณะบัตรกรณีคู่สมรสเสียชีวิต (ถ้ามี) ใบเปลี่ยนชื่อ สกุล (ถ้ามี)
กรณีผู้ยื่นคำร้องมีอายุ 80 ปีขึ้นไป ควรมีใบรับรองแพทย์
รูปถ่ายเต็มตัวขณะประกอบอาชีพสามารถกู้ยืมเงินผ่านช่องทางออนไลน์เว็บไซต์กองทุนผู้สูงอายุผู้สูงอายุ olderfund.dop.go.th ผู้สูงอายุที่สนใจ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0 2354 6100 กองทุนผู้สูงอายุ (กรมกิจการผู้สูงอายุ) กรุงเทพมหานคร หรือต่างจังหวัด ที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ทุกจังหวัด
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนผู้สูงอายุครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 มีผู้กู้ยืมเงินประกอบอาชีพที่ผ่านการอนุมัติ จำนวน 579 ราย และมีโครงการที่ขอรับการสนับสนุนผ่านการอนุมัติ จำนวน 8 โครงการ โดยกองทุนผู้สูงอายุจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 เพื่อเป็นทุนใช้จ่ายเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีศักยภาพ ความมั่นคง และมีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งสนับสนุนกิจกรรมขององค์กรที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการส่งเสริมสนับสนุนผู้สูงอายุให้มีความเข้มแข็งอย่างต่อเนื่อง
ติดตามข่าวเศรษฐกิจได้ที่ zazourestaurant.com